ทวีปยุโรป
ทวีปยุโรป เป็นทวีปที่อยู่บนผืนแผ่นดินเดียวกับทวีปเอเชีย มีลักษณะคล้ายกับเป็นคาบสมุทรใหญ่ของทวีปเอเชีย
จึงมีผู้เรียกทวีปยุโรป คือ แนวเทือกเขาอูราลและแม่น้ำอูราล
ที่ตั้ง
36 องศาเหนือถึง 71 องศาเหนือและลองจิจูดประมาณ 9 องศาตะวันตกถึงลองจิจูดประมาณ 66 องศาตะวันออกกล่าวคือทวีปยุโรป (ละติจูดที่ 23 องศาเหนือ½)
ขนาด
ทวีปยุโรปมีพื้นที่ประมาณ 10 ล้านตารางกิโลเมตรมีขนาดใหญ่เป็นลำดับที่ 6 ของโลกรองจากทวีปเอเชียแอฟริกาอเมริกาเหนืออเมริกาใต้แอนตาร์กติกา แต่ใหญ่กว่าออสเตรเลีย
อาณาเขตติดต่อ มีดังนี้
ทิศเหนือ ติดต่อกับมหาสมุทรอาร์กติกและมีทะลต่าง ๆ ได้แก่ ทะเลขาว ทะเลแบเรนต์ส มาก ใช้เดินเรือไม่ได้คาบสมุทรสำคัญด้านนี้ ได้แก่
ทิศตะวันออก ติดต่อเป็นผืนแผ่นดนเดียวกันกับทวีปเอเชีย โดยมีเทือกเขาอูราลแม่น้ำอูราลและทะเลสาบแคสเปียนเป็นแนวพรมแดน
ทิศตะวันตก ติดต่อกับมหาสมุทรแอตแลนติก มีทะเลต่าง ๆ ได้แก่ ทะเลนอร์วิเจียนทะเลเหนือทะเลไอริชและทะเลบอลติกเกาะ สำคัญทางด้านนี้ ได้แก่ เกาะบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เกาะเกาะไอซ์แลนด์
ทวีปยุโรปเป็นทวีปที่มีชายฝั่งทะเลที่ยาวที่สุดในโลก ทั้งนี้เพราะความเว้าแหว่งของชายฝั่งทะเลมีมากนั่นเอง
และยังทำให้มีคาบสมุทรหลายแห่ง ได้แก่
- คาบสมุทรสแกนดิเนเวีย ซึ่งเป็นที่ตั้งของประเทศนอร์เวย์และสวีเดิน คาบสมุทรจัดแลนด์เป็นที่ตั้งของประเทศเดนมาร์ก
- คาบสมุทรไอบีเรียเป็นที่ตั้งของประเทศสเปนและโปรตุเกส
- คาบสมุทรอิตาลีเป็นที่ตั้งของประเทศอิตาลี
- คาบสมุทรบอลข่าน แอลเบเนียโรมาเนียบัลแกเรียแอลกรีซ (สาธารณรัฐเฮเลนิก)
- คาบสมุทรไครเมียในประเทศยูเครน
ภูมิหลังทางประวัติศาสตร์ของทวีปยุโรป
2,000 ปีมาแล้ว
มีหลักฐานปรากฎอย่างชัดเจนว่าได้ความเจริญของทวีปยุโรปทีรากฐานกำเนิดจากอารายธรรมไมโนน (อารยธรรมมิโนอัน)
ที่มีศูนย์กลางอยู่ที่เกาะครีต (Crete)ตอนใต้ของคาบสมุทรบอลข่านในทะลเมดิเตอร์เรเนียน
อารยธรรมไมโนนเป็นอารยธรรม 2 แห่งคือ
อารยธรรมอียิปต์ (ลุ่มแม่น้ำไนล์)
อารยธรรมเมโสโปเตเมีย (ลุ่มแม่น้ำไทกรีส-ยูเฟรติส)
จนมีเอกลักษณ์เป็นของตนเอง ในบริเวณทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
โดยเฉพาะคาบสมุทรบอลข่านและคาบสมุทรอิตาลี จึงนับว่าชนชาติกรีกและชนชาติโรมัน มีส่วนสำคัญที่สุดในการวางรากฐานความเจริญในยุโรป
ในเขตประเทศออสเตรียในปัจจุบันได้อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานในบริเวณคาบสมุทรบอลข่านเมื่อประมาณ 2,000 ปีก่อนคริสต์กาล
ของอารยธรรมไมโนนไปจากเกาะครีต
และหลังจากนั้นชนชาติโรมันซึ่งตั้งถิ่นฐานในบริเวณคาบสมุทรอิตาลี ก็ได้รับความเจริญไปจากชนชาติกรีกอีกทอดหนึ่ง
กรีกได้ทิ้งมรดกทางศิลปะวัฒนธรรมอันมีค่าหลายประการไว้แก่โลกตะวันตก เพราะกรีกเป็นนักคิดและนักสร้างสรรค์ ที่สำคัญ
ผลงานที่เด่น ๆ ได้แก่ สถาปัตยกรรมประติมากรรมวรรณกรรมปรัชญา
และที่สำคัญที่สุดคือการปกครองระบอบประชาธิบไตย แก่ประเทศต่างๆในปัจจุบัน
ส่วน ชนชาติโรมัน นั้นแม้ว่าจะรับความเจริญต่างๆทางศิลปวัฒนธรรมมาจากกรีก แต่ก็รู้จักที่จะนำมาประยุกต์ดัดแปลงให้เกิดประโยชน์ทางด้านการใช้สอยให้คุ้มค่า
ผลงานทางศิลปะต่าง ๆ ในทวีปยุโรป
ได้ขยายอำนาจครอบครองดินแดนกรีกและดินแดนของชนชาติอื่น ๆ ในบริเวณใกล้เคียง
จนทำให้อาณาจักรโรมัน เขตครอบคลุมเกือบทั่วภาคพื้นทวีปยุโรป
โดยมีอาณาเขตตั้งแต่ตะวันตกของทวีปยุโรปคาบสมุทรอิตาลีคาบสมุทรบอลข่านดินแดนชายฝั่งตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ตลอดไปจนถึงบริเวณตอนเหนือของทวีปแอฟริกา
จักรวรรดิโรมันเป็นศูนย์กลางความเจริญของทวีปยุโรปอยู่ประมาณ 300 ปี ภายหลังที่มีการแบ่งแยกจักรวรรดิออกเป็น
จักรวรรดิโรมันตะวันตก โดยมีเมืองหลวงอยู่ทีกรุงโรม
และจักรวรรดิโรมันตะวันออก ในคริสต์ศตวรรษที่ 4 แล้ว
เผ่าติวตันเข้ารุกรานและยึดครองใน ค.ศ. 476
ซึ่งมีผลทำให้ความเจริญต่าง ๆ ทางศิลปวัฒนธรรมหยุดชะงักลง ภายหลังการุกรานของอนารยชนเต็มไปด้วยความวุ่นวายสับสน
บ้านเมืองระส่ำระสายไปทั่วมีศึกสงครามติดต่อกันเกือบตลอดเวลาจนเป็นเหตุให้ ต้องหยุดชะงักลง
และทำให้ทวีปยุโรปตกอยู่ในสภาวะที่เรียกว่า ยุคมืด ยุคมืด ซึ่งอยู่ระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 5-10
ในระหว่างนั้นคริสต์ศาสนาได้เข้ามามีบทบาทสำคัญต่อการดำเนินชีวิตของชาวยุโรป
เพราะเป็นระยะเวลาที่ประชาชน กำลังแสวงหาที่พึ่งทางใจ วัดและสันตะปาปาคือศูนย์รวมแห่งจิตใจของประชาชน คริสต์ศาสนาจึงขยายตัวอย่างรวดเร็วในระยะนั้น
อิทธิพลทั้งด้านการปกครองเศรษฐกิจและสังคมรวมทั้งศิลปวัฒนธรรมต่างๆชาวตะวันตกต่างพากันยอมรับในความยิ่งใหญ่่และอำนาจของพระเจ้า ในการดลบันดาลทุกสิ่งทุกอย่างให้เกิดขึ้น
จนทำให้เกิดความกลัวที่จะคิดหรือกระทำการใดๆ ที่นอกเหนือไปจากกฎเกณฑ์ที่ทางศาสนาได้กำหนดไว้
อย่างไรก็ตามในระยะคริสต์ศตวรรษที่ 14-16 ไปในทางที่ดีคือการฟื้นฟูศิลปวิทยาการหรือ เรอเนสซองส์ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา
ซึ่งทำให้มีการฟื้นฟูศิลปวิทยาการกรีก-โรมัน ที่หยุดชะงักไปตั้งแต่ยุคมืดขึ้นมาใหม่
เริ่มมองทุกอย่างในลักษณะของเหตุผลรู้จักใช้สติปัญญาตน ดังที่เคยปฏิบัติมาในยุคมืด
เริ่มมีความคิดว่ามนุษย์สามารถที่จะพัฒนาตนเองได้ สามารถปรับปรุง ทุกอย่างให้ดีขึ้นได้ด้วยความสามารถตนเอง
สมัยเรอเนสซองส์จึงเป็นสมัยที่ก้าวไปสู่ความเจริญอย่างไม่หยุดยั้งของโลกตะวันตกในระยะต่อมา
ได้ย้ายมาอยู่ในบริเวณประเทศต่างๆ เช่นอังกฤษฝรั่งเศสโปรตุเกสสเปนเนเธอร์แลนด์เยอรมนีเป็นต้น
นับตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 16 เป็นต้นมา ที่สะท้อนให้เห็นการพัฒนาในด้านความคิดริเริ่มสร้างสรรค์และความเป็นตัวของตัวเองของมนุษย์
เป็นอย่างมากอาทิ 16
โดยนักบวชชาวเยอรมนี มาร์ตินลูเธอร์ มาร์ติน Luthur ค.ศ. 1483-1546 ในการแสดงออก
ซึ่งการต่อต้านคัดค้านนิกายดั้งเดิม คือ โรมันคาทอลิก ที่เคยมีอิทธิพลอย่างมากมาก่อน
นอกจากนี้การปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์ในคริสต์ศตวรรษที่ 16-17 มีผลทำให้มนุษย์เริ่มค้นคว้าหาความจริงจากธรรมชาติ
มีการพิสูจน์ว่าโลกกลม ซึ่งมีผลต่อการริเริ่มสำรวจทางทะเล วันที่ 16-17
และทำให้วัฒนธรรมตะวันตกได้แผ่ขยายไปยังดินแดนอาณานิคมต่างๆ ทั้งในทวีปเอเชีย ทวีปอเมริกาเหนือทวีปอเมริกาใต้
รวมทั้งออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ซึ่งอาจกล่าวได้ว่า เป็นระยะที่อิทธิพลของยุโรป ทางด้านศิลปวัฒนธรรมได้แผ่ขยายตัวไปทั่วโลก
18 โดยเริ่มต้นจากประเทศอังกฤษก่อน ในยุโรปตะวันตก
ที่นำไปสู่ความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีอย่างไม่หยุดยั้ง
ทั้งทางด้านอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีมาจนถึงปัจจุบัน
ดอริก
ไอโอนิก
โครินเธียน
ศิลปะโกธิค (แบบกอธิค)
หัวเสาเป็นอารยธรรมของกรีกโบราณ 3 แบบ
ศิลปะโกธิค
เริ่มต้นขึ้นปลายพุทธศตวรรษที่ 17 มีอิทธิพลอยู่ประมาณ 350 ปี
วิหารพาร์เธนอน (Parthenon)
โคลอสเซียม (Colosseum)