Wednesday, June 24, 2015

พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ทวีปยุโรป



พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ทวีปยุโรป

ทวีปยุโรป

            ทวีปยุโรป เป็นทวีปที่อยู่บนผืนแผ่นดินเดียวกับทวีปเอเชีย มีลักษณะคล้ายกับเป็นคาบสมุทรใหญ่ของทวีปเอเชีย 
            จึงมีผู้เรียกทวีปยุโรป  คือ แนวเทือกเขาอูราลและแม่น้ำอูราล

ที่ตั้ง

            36 องศาเหนือถึง 71 องศาเหนือและลองจิจูดประมาณ 9 องศาตะวันตกถึงลองจิจูดประมาณ 66 องศาตะวันออกกล่าวคือทวีปยุโรป (ละติจูดที่ 23 องศาเหนือ½)

ขนาด

            ทวีปยุโรปมีพื้นที่ประมาณ 10 ล้านตารางกิโลเมตรมีขนาดใหญ่เป็นลำดับที่ 6 ของโลกรองจากทวีปเอเชียแอฟริกาอเมริกาเหนืออเมริกาใต้แอนตาร์กติกา แต่ใหญ่กว่าออสเตรเลีย

อาณาเขตติดต่อ  มีดังนี้

            ทิศเหนือ  ติดต่อกับมหาสมุทรอาร์กติกและมีทะลต่าง ๆ ได้แก่ ทะเลขาว  ทะเลแบเรนต์ส มาก ใช้เดินเรือไม่ได้คาบสมุทรสำคัญด้านนี้ ได้แก่ 

            ทิศตะวันออก  ติดต่อเป็นผืนแผ่นดนเดียวกันกับทวีปเอเชีย โดยมีเทือกเขาอูราลแม่น้ำอูราลและทะเลสาบแคสเปียนเป็นแนวพรมแดน 

            ทิศตะวันตก  ติดต่อกับมหาสมุทรแอตแลนติก มีทะเลต่าง ๆ ได้แก่ ทะเลนอร์วิเจียนทะเลเหนือทะเลไอริชและทะเลบอลติกเกาะ  สำคัญทางด้านนี้ ได้แก่ เกาะบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เกาะเกาะไอซ์แลนด์

            ทวีปยุโรปเป็นทวีปที่มีชายฝั่งทะเลที่ยาวที่สุดในโลก ทั้งนี้เพราะความเว้าแหว่งของชายฝั่งทะเลมีมากนั่นเอง 
            และยังทำให้มีคาบสมุทรหลายแห่ง ได้แก่ 
  1. คาบสมุทรสแกนดิเนเวีย ซึ่งเป็นที่ตั้งของประเทศนอร์เวย์และสวีเดิน คาบสมุทรจัดแลนด์เป็นที่ตั้งของประเทศเดนมาร์ก 
  2. คาบสมุทรไอบีเรียเป็นที่ตั้งของประเทศสเปนและโปรตุเกส 
  3. คาบสมุทรอิตาลีเป็นที่ตั้งของประเทศอิตาลี 
  4. คาบสมุทรบอลข่าน แอลเบเนียโรมาเนียบัลแกเรียแอลกรีซ  (สาธารณรัฐเฮเลนิก) 
  5. คาบสมุทรไครเมียในประเทศยูเครน

ภูมิหลังทางประวัติศาสตร์ของทวีปยุโรป

            2,000 ปีมาแล้ว
            มีหลักฐานปรากฎอย่างชัดเจนว่าได้ความเจริญของทวีปยุโรปทีรากฐานกำเนิดจากอารายธรรมไมโนน  (อารยธรรมมิโนอัน) 
            ที่มีศูนย์กลางอยู่ที่เกาะครีต (Crete)ตอนใต้ของคาบสมุทรบอลข่านในทะลเมดิเตอร์เรเนียน 
            อารยธรรมไมโนนเป็นอารยธรรม 2 แห่งคือ 
            อารยธรรมอียิปต์  (ลุ่มแม่น้ำไนล์) 
            อารยธรรมเมโสโปเตเมีย  (ลุ่มแม่น้ำไทกรีส-ยูเฟรติส) 
            จนมีเอกลักษณ์เป็นของตนเอง ในบริเวณทะเลเมดิเตอร์เรเนียน 
            โดยเฉพาะคาบสมุทรบอลข่านและคาบสมุทรอิตาลี จึงนับว่าชนชาติกรีกและชนชาติโรมัน  มีส่วนสำคัญที่สุดในการวางรากฐานความเจริญในยุโรป
            ในเขตประเทศออสเตรียในปัจจุบันได้อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานในบริเวณคาบสมุทรบอลข่านเมื่อประมาณ 2,000 ปีก่อนคริสต์กาล 
            ของอารยธรรมไมโนนไปจากเกาะครีต 
            และหลังจากนั้นชนชาติโรมันซึ่งตั้งถิ่นฐานในบริเวณคาบสมุทรอิตาลี ก็ได้รับความเจริญไปจากชนชาติกรีกอีกทอดหนึ่ง 
            กรีกได้ทิ้งมรดกทางศิลปะวัฒนธรรมอันมีค่าหลายประการไว้แก่โลกตะวันตก เพราะกรีกเป็นนักคิดและนักสร้างสรรค์  ที่สำคัญ
            ผลงานที่เด่น ๆ ได้แก่ สถาปัตยกรรมประติมากรรมวรรณกรรมปรัชญา 
            และที่สำคัญที่สุดคือการปกครองระบอบประชาธิบไตย แก่ประเทศต่างๆในปัจจุบัน 
            ส่วน  ชนชาติโรมัน นั้นแม้ว่าจะรับความเจริญต่างๆทางศิลปวัฒนธรรมมาจากกรีก แต่ก็รู้จักที่จะนำมาประยุกต์ดัดแปลงให้เกิดประโยชน์ทางด้านการใช้สอยให้คุ้มค่า 
ผลงานทางศิลปะต่าง ๆ  ในทวีปยุโรป 
            ได้ขยายอำนาจครอบครองดินแดนกรีกและดินแดนของชนชาติอื่น ๆ ในบริเวณใกล้เคียง 
            จนทำให้อาณาจักรโรมัน เขตครอบคลุมเกือบทั่วภาคพื้นทวีปยุโรป 
            โดยมีอาณาเขตตั้งแต่ตะวันตกของทวีปยุโรปคาบสมุทรอิตาลีคาบสมุทรบอลข่านดินแดนชายฝั่งตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ตลอดไปจนถึงบริเวณตอนเหนือของทวีปแอฟริกา 
            จักรวรรดิโรมันเป็นศูนย์กลางความเจริญของทวีปยุโรปอยู่ประมาณ 300 ปี ภายหลังที่มีการแบ่งแยกจักรวรรดิออกเป็น
            จักรวรรดิโรมันตะวันตก  โดยมีเมืองหลวงอยู่ทีกรุงโรม
            และจักรวรรดิโรมันตะวันออก ในคริสต์ศตวรรษที่ 4 แล้ว 

            เผ่าติวตันเข้ารุกรานและยึดครองใน ค.ศ. 476 
            ซึ่งมีผลทำให้ความเจริญต่าง ๆ ทางศิลปวัฒนธรรมหยุดชะงักลง ภายหลังการุกรานของอนารยชนเต็มไปด้วยความวุ่นวายสับสน 
            บ้านเมืองระส่ำระสายไปทั่วมีศึกสงครามติดต่อกันเกือบตลอดเวลาจนเป็นเหตุให้ ต้องหยุดชะงักลง 
            และทำให้ทวีปยุโรปตกอยู่ในสภาวะที่เรียกว่า ยุคมืด ยุคมืด ซึ่งอยู่ระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 5-10 
            ในระหว่างนั้นคริสต์ศาสนาได้เข้ามามีบทบาทสำคัญต่อการดำเนินชีวิตของชาวยุโรป 
            เพราะเป็นระยะเวลาที่ประชาชน  กำลังแสวงหาที่พึ่งทางใจ วัดและสันตะปาปาคือศูนย์รวมแห่งจิตใจของประชาชน คริสต์ศาสนาจึงขยายตัวอย่างรวดเร็วในระยะนั้น
            อิทธิพลทั้งด้านการปกครองเศรษฐกิจและสังคมรวมทั้งศิลปวัฒนธรรมต่างๆชาวตะวันตกต่างพากันยอมรับในความยิ่งใหญ่่และอำนาจของพระเจ้า ในการดลบันดาลทุกสิ่งทุกอย่างให้เกิดขึ้น 
            จนทำให้เกิดความกลัวที่จะคิดหรือกระทำการใดๆ ที่นอกเหนือไปจากกฎเกณฑ์ที่ทางศาสนาได้กำหนดไว้
            อย่างไรก็ตามในระยะคริสต์ศตวรรษที่ 14-16 ไปในทางที่ดีคือการฟื้นฟูศิลปวิทยาการหรือ  เรอเนสซองส์ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา 
            ซึ่งทำให้มีการฟื้นฟูศิลปวิทยาการกรีก-โรมัน ที่หยุดชะงักไปตั้งแต่ยุคมืดขึ้นมาใหม่ 
            เริ่มมองทุกอย่างในลักษณะของเหตุผลรู้จักใช้สติปัญญาตน ดังที่เคยปฏิบัติมาในยุคมืด 
            เริ่มมีความคิดว่ามนุษย์สามารถที่จะพัฒนาตนเองได้ สามารถปรับปรุง ทุกอย่างให้ดีขึ้นได้ด้วยความสามารถตนเอง
            สมัยเรอเนสซองส์จึงเป็นสมัยที่ก้าวไปสู่ความเจริญอย่างไม่หยุดยั้งของโลกตะวันตกในระยะต่อมา 
            ได้ย้ายมาอยู่ในบริเวณประเทศต่างๆ เช่นอังกฤษฝ​​รั่งเศสโปรตุเกสสเปนเนเธอร์แลนด์เยอรมนีเป็นต้น 
            นับตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 16 เป็นต้นมา ที่สะท้อนให้เห็นการพัฒนาในด้านความคิดริเริ่มสร้างสรรค์และความเป็นตัวของตัวเองของมนุษย์ 
            เป็นอย่างมากอาทิ 16 
            โดยนักบวชชาวเยอรมนี  มาร์ตินลูเธอร์  มาร์ติน Luthur ค.ศ. 1483-1546  ในการแสดงออก
            ซึ่งการต่อต้านคัดค้านนิกายดั้งเดิม คือ  โรมันคาทอลิก ที่เคยมีอิทธิพลอย่างมากมาก่อน 
            นอกจากนี้การปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์ในคริสต์ศตวรรษที่ 16-17 มีผลทำให้มนุษย์เริ่มค้นคว้าหาความจริงจากธรรมชาติ 
            มีการพิสูจน์ว่าโลกกลม ซึ่งมีผลต่อการริเริ่มสำรวจทางทะเล วันที่ 16-17 
            และทำให้วัฒนธรรมตะวันตกได้แผ่ขยายไปยังดินแดนอาณานิคมต่างๆ ทั้งในทวีปเอเชีย  ทวีปอเมริกาเหนือทวีปอเมริกาใต้ 
            รวมทั้งออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ซึ่งอาจกล่าวได้ว่า เป็นระยะที่อิทธิพลของยุโรป  ทางด้านศิลปวัฒนธรรมได้แผ่ขยายตัวไปทั่วโลก

            18 โดยเริ่มต้นจากประเทศอังกฤษก่อน ในยุโรปตะวันตก 
            ที่นำไปสู่​​ความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีอย่างไม่หยุดยั้ง 
            ทั้งทางด้านอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีมาจนถึงปัจจุบัน

ดอริก
ไอโอนิก
โครินเธียน
ศิลปะโกธิค (แบบกอธิค)
หัวเสาเป็นอารยธรรมของกรีกโบราณ 3 แบบ

ศิลปะโกธิค
เริ่มต้นขึ้นปลายพุทธศตวรรษที่ 17 มีอิทธิพลอยู่ประมาณ 350 ปี
วิหารพาร์เธนอน (Parthenon)
โคลอสเซียม (Colosseum)

No comments:

Post a Comment